สายท่องเที่ยวไม่สมควรพลาด พาดูความงามทางสายประวัติศาสตร์พันปี

สายเที่ยวไม่ควรพลาด พาชมความงดงามเส้นทางสายประวัติศาสตร์พันปี 

ถ้าเกิดเอ๋ยถึงการท่องเที่ยวสะกดรอยประวัติศาสตร์ หรือ การท่องจำเที่ยงตรงเชิงวัฒนธรรม เมืองจีนอาจเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ผู้เดินทางต้องการไปสัมผัสสักหนึ่งครั้ง ด้วยเหตุว่าด้วยประวัติศาสตร์อันนาน ทำให้มีเรื่องมีราวราวให้ได้ศึกษาเล่าเรียนกันอย่างไม่จบไม่สิ้น

สำหรับในการเดินทางคราวนี้พวกเราไปสะกดรอยประวัติศาสตร์พันปีที่ บริเวณเหครึ้มโดยเดินทาง ด้วยสายการบินไทยสมายล์ ซึ่งมีไฟล์บินตรงจากกรุงเทวดา สู่สนามบินนานาประเทศเจิ้งโจว ซึ่งอยู่แกนกลางเมืองของบริเวณเหดกแถมยังมีไฟล์บินมืดค่ำ (ซึ่งกำลังจะถึงเช้าตรู่พอดิบพอดี) ทำใหเ้รามีเวลาท่องเที่ยวมากขึ้นอีกเยอะแยะ

เมื่อเรือบินลงหยุด พวกเราเริ่มทริปเมื่อเมืองไคฟง เมืองโบราณที่เคยเป็นเมืองหลวงในหลายรัชกาล ที่ที่นี้มีวัตถุโบราณ โบราณสถานให้ได้เรียนเยอะแยะ เป็นต้นว่า ศาลเจ้าเปาบุ้นจิ้น ที่ทำขึ้นตั้งแต่ปี คริสต์ศักราช 1984 เป็นสถานที่สำหรับเพื่อการพิพากษ์คดีของเปาบุ้นจิ้นเจ้าขุนมูลนายที่โด่งดังดังในเรื่องเป็นคนที่มีความซื่อตรงซื่อสัตย์สุจริต ข้างในเลียนแบบศาลที่ว่าความยุคนั้น รวมทั้งมีเครื่องประหารหัวมังกร หัวเสือ หัวหมา ซึ่งท่านเปาได้ใช้ลงอาญาเหล่าวงศ์สกุลเจ้าขุนมูลนายและก็ประชาชนที่ได้กระทำผิด
 
 
 
 
เครื่องประหารทั้งยัง 3 หัวที่พวกเราเคยได้เห็นในโทรทัศน์ เป็นข้อเท็จจริงครับ ส่วนจั่นเจาไม่มีอยู่จริงเป็นตัวละครสมมุติขึ้นเพื่ออรรถรสสำหรับเพื่อการรับดูแค่นั้น
 
 
 
 
 
ข้างในศาลไคฟง งาม บอกเล่าเรื่องราวในสมัยก่อนได้อย่างดีเยี่ยม
 
 

 
 
ภาพวาดท่านเปา น่านับถือมากมายครับผม

รอยต่อไปที่จะพามาดูเป็น ศาลามังกรหลงถิง ที่ที่นี้สมัยก่อนเป็นสวนดอกไม้ของราชวงศ์ซ่ง ถัดมาในยุคพระผู้เป็นเจ้าคังซีที่วงศ์สกุลชิงปี คริสต์ศักราช 1692 ได้สร้างเก๋ง(ศาลา)จีนบนภูเขา เมื่อวันเกิดของฮ่องเต้ พวกข้าราชการชั้นสูงของเมืองไคฟงจะพากันมาจัดพิธีการตรงนี้ ในเก๋งวางแท่นหินสลักมังกร เล่ากันว่าเป็นที่นั่งของเจ้าวางอิ่นปฐมกษัตริย์ของวงศ์สกุลซ่ง เก๋งสร้างโดยการออกแบบของพระราชสำนักกรุงปักกิ่ง หลังคาสองชั้นตกแต่งอย่างงดงาม
 
 

 
 

ประตูทางเข้าออกตัวอย่างสวยสดงดงามด้วยศิลป์อันเป็นเอกลักษณ์ของจีน
 



 
 
แท่นหินที่ถูกแกะเป็นลวดลายมังกรอยู่ข้างบนสุดในเก๋งมังกร
 
 
 
 
ภาพมุมสูงมองดูจากศาลามังกรหลงถิง

ภายหลังจากดูความความโหฬารแล้วก็สวยสดงดงามของเก๋งมังกร รอบๆไม่ไกลนักมีสถานที่สำคัญอีกที่เป็น ศาลเจ้านายทัพเครือญาติยาง ซึ่งที่ที่นี้ใส่เรื่องราวของเครือญาตินักสู้ให้ได้เรียนรู้จำนวนมาก
 
 

 
 
บริเวณประตูทางเข้า ศาลเจ้าขุนศึกตระกูลหยาง



รูปปั้นหยางเย่ กับ หยางฟู่เหยิน ภายในศาลเจ้าขุนศึกตระกูลหยาง



หุ่นขี้ผึ้งนักรบตระกูลหยาง

 
ผ่านเมืองไปที่ เติงฟง เมืองเล็กที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ กันบ้าง เมืองเติงฟง เป็นที่ตั้งของสถานที่ที่ขึ้นชื่อลือนาม ในด้านศิลป์มวยจีน หรือที่ทุกคนชินหูกันในชื่อ วัดเส้าหลิน วัดพุทธนิกายอาจริยวาทในประเทศจีน มีชื่ออย่างยิ่งเนื่องด้วยปรากฏในนิยายกาลังข้างในจีนหลายเรื่อง วัดเส้าหลินตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของแนวเขาซงซาน ตั้งโดยภิกษุคนอินเดียนามว่า พระโพธิธรรมซึ่งเป็นผู้ท้องนาศาสนาพุทธนิกายเซนเข้ามา พร้อมการฝึกซ้อมวิชาป้องกันตัวที่รู้จักกันดีในชื่อ กังฟูข้างในในวัดมีวิหารสหัสพุทธ สถานที่ติดตั้งประติมากรรมรูปพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในสมัยก่อน ปัจจุบันนี้ รวมทั้ง อนาคต รวม 1,000 องค์
 
 

สัญญลักษณ์ด้านหน้า แสดงว่าเรามาถูกที่แล้ว


บรรยากาศภายในวันวัดเส้าหลิน สงบ ร่วมรื่น อากาศดีมากๆ ครับ



รูที่เห็นคือการฝึกโดยใช้นิ้วของศิษย์วัดเส้าหลินครับ

เดินเท้ามาชั่วประเดี๋ยวจะพบกับ ป่าเจดีย์ หรือ ถ่าหลิน สถานที่ใส่อัฐิของอดีตกาลเจ้าอาวาสของสงฆ์เส้าหลิน นอกจากนั้นด้านในวัดยังมีการแสดงกังฟูจากผู้เรียนอีกด้วย
 
 

จุดนี้ไม่ควรถ่ายภาพเซลฟี่ เพราะภายในบรรจุอัฐิของอดีตเจ้าอาวาสเอาไว้ ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสมครับ


 


เด็กนักเรียนจากวัดเส้นหลินกำลังโชว์ความรู้ความเข้าใจ เก่งกันทุกคนจนกระทั่งจำต้องตบมือให้เลยนะครับ

สำหรับ ถ้ำเขาหินหลงเหไม่เป็น 1 ใน 3 แหล่งปฏิมากรรมโบราณที่โด่งดังที่สุดในจีน เริ่มก่อสร้างในรัชสมัยเว่ยเหนือ คริสต์ศักราช 494 ใช้ช่วงเวลาสำหรับการก่อสร้าง ซ่อมแซม แล้วก็เพิ่มเติมนานถึง 400 ปี จนกระทั่งสมัยราชวงค์ถังแล้วก็ซ่ง มีความยาวตั้งแต่เหนือถึงใต้ราวๆ 1 กิโล ปัจจุบันนี้ยังคงหลงเหลือหากเขาหินแกะอยู่ ปริมาณ 2,100 กว่าคูหา โพรงแท่นบูชา 2,345 ช่องแผ่นจารึกสลักอักษรจีนและก็หมายเหตุบันทึกต่างๆอีก 3,600 กว่าหลัก รวมทั้งเจดีย์พุทธ 50 กว่าที่ พุทธรูปสลักมากยิ่งกว่า 100,000 องค์ องค์ใหญ่สูงสุด 17 เมตร องค์เล็กสุดแค่เพียง 2 เซลเซียสมัธยม ถ้าหากหน้าผาหลงเหไม่ขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก เมื่อปี พุทธศักราช 2543
 
 

พระพุทธรูปสลักที่ใหญ่ที่สุด อีกหนึ่งจุดไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด

สังเกตดีๆ จะเห็นมีพระพุทธรูปต่างๆ ถูกสลักอยู่ในช่อง แต่มีบางส่วนถูกทำลายไป

 

สวยสดงดงามและก็ยิ่งใหญ่จริงๆขอรับ ได้โอกาสต้องการให้ได้เห็นด้วยตาตนเอง

ศาลเจ้ากวนอู ศาลเทวดากวนอูตรงนี้หมายถึง1 ใน 3 ศาลเจ้ากวนอู ที่ชาวจีนยกย่องเชื่อถือและก็นิยมเดินทางมากมายราบไหว้ เพราะเป็นที่ฝังหัวของกวนอู ข้างในศาลเจ้าประกอบไปด้วยวังสามพระราชวัง วังหลักของศาลเจ้ากวนอูตั้งอยู่ด้านใน ระยะทางผ่านจากประตูใหญ่เข้าไป ราวๆ 50 เมตร มีสิงโตหินจานวน 104 ตัวเรียงรายสองข้างทาง ที่รอบๆตาหนักใหญ่ มีรูปปั้นกวนอูขนาดใหญ่เพื่อผู้คนที่เคารพสักการบูชา พระราชวังลำดับที่สอง เบือนหน้าไปทาง ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของลัวหยาง ตามเรื่องตามราวของสามก๊ก กวนอูแพ้การทำศึกก็เลยโดนจับตัดศรีษะ เพื่อยุยงให้โจโฉแล้วก็เล่าปี่เกลียดชังโกรธแค้นกัน ซุนกวนได้นำหัวของกวนอูส่งไปให้โจโฉ โจโฉซึ่งประทับใจในตัวกวนอู ได้นำหัวของกวนอูไปฝังอย่างสมเกียรติ
 
 


กวนอูเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์



สิงโตหินถูกวางเรียงราย ก่อนเข้าถึงภายในศาลเจ้ากวนอู



ประตูด้านหลังยังคงสวยงาม
 
 
สถานที่ท้ายที่สุด สวนยุยงไถซาน สวนที่สวยที่สุดของเขตเหครึ้มมีความงามระดับ 5A (ความสวยสดงดงามของธรรมชาติสูงสุด) สวนธรรมชาติที่นี้ถูกทำอย่างงดงาม ด้านในมีน้ำตก สามารถแลเห็นก้อนเมฆและก็หมอกลอยบนยอดดอยทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนฤดูใบไม้เปลี่ยนสีจะเต็มไปด้วยสีสันของใบไม้หลากสีงดงามเต็มพื้นที่สวน นอกนั้นตลอดทางยังผ่านจุดที่เป็นแอ่งน้ำ น้ำตก รวมทั้ง สะพานผ่านลำน้ำ ซึ่งจำเป็นต้องกล่าวว่างดงามเสมือนภาพในฝัน
 
 

 
เสียงจิ้งหรีดร้องระงมมาก บ่งบอกได้ว่าธรรมชาติยังที่นี่สมบูรณ์มากๆ (อยากเก็บเสียงมาให้ฟังจังครับ)



การเดินทางเที่ยวชมที่นี่จะเป็นลักษณะคล้ายการเดินวนไปออกอีกทางครับ ซึ่งเราจะได้ชมความงามของธรรมชาติตลอดเส้นทางเดิน ผมลองวัดระยะทางรวมทั้งหมดราว 4 กิโลเมตรได้ครับ



เมื่อเดินมาสุดทางจะพบกับ น้ำตกด้านบน ที่ไหลลดหลั่นลงมา


 
 
 
หมดการเดินทางแล้วครับผม

แม้คนไหนกันแน่ต้องการท่องเที่ยวเรียนประวัติศาสตร์จีน เขตเหดกเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ไม่สมควรละเลย เพราะเหตุว่าเมืองที่นี้บันทึกเรื่องราวในสมัยก่อนไว้เยอะแยะ รอเวลาที่นักเที่ยวอย่างคุณก้าวเท้ามาสัมผัสเรื่องราวในอดีตกาล ที่สำคัญการเดินทางในตอนนี้ยังสบาย เนื่องด้วยมีสายการบินไทยสมายล์ เปิดเที่ยวบินตรง จังหวัดกรุงเทพมหานคร-เจิ้งโจว และก็เที่ยวบิน เจิ้งโจว-กรุงเทพมหานคร ปริมาณ 3 เที่ยวบินต่ออาทิตย์ ทำให้นักเดินทางสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวดังที่กล่าวผ่านมาแล้วได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

ขอบคุณข้อมูล

 
 
ขอขอบคุณ ภาพ และ คำบรรยายบางส่วนจาก Sanook.com
เครดิต : www.sanook.com